Powered By Blogger

13/08/2009

ความบกพร่องของเวลา





"...ถึงอาโออิที่อยู่ห่างไกลในมิลาน

ตอนนี้ผมมีชีวิตที่โดดเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว
จาก จุนเซย์ ..”



คำลงท้ายจากจดหมายของจุนเซย์ที่เขียนถึงอาโออิ เป็นตอนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Calmi Cuori Appassionati ที่ทำให้เรารู้เรื่องราวความรักของคนสองคนจากจุดเริ่มต้นจนกลายเป็นความผูกพัน และคำสัญญาที่ไม่ได้ถูกกลืนหายไปกับวันเวลาที่ผ่านไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังของญี่ปุ่นที่แปลเป็นภาษไทยโดยสำนักพิมพ์ Bliss ในชื่อ"Blu" (ในมุมมองของผู้ชาย) และ "Rosso" (ในสายตาของผู้หญิง) ฉันได้อ่านในรูปแบบหนังสือก่อน ส่วนตัวจะชอบเล่ม Blu มากที่สุด เพราะอ่านแล้วได้แง่คิดและรู้ในอีกหนึ่งมุมมองของผู้ชาย ซึ่งมีพัฒนาการทั้งในการดำเนินชีวิต ความคิด และการตัดสินใจท่ามกลางความคลาดเคลื่อนของกาลเวลา ฉันได้หยิบภาพยนตร์เรื่องนี้มาดูโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเพราะซื้อมาเก็บไว้ได้ตั้ง 2 ปี หรือจะเป็นเพราะคิดถึงหน้าพระเอกเรื่องนี้ที่ห่างหายไปนาน ความเนิบช้าของการดำเนินเรื่องดูจะเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้ ซึ่งเข้ากันกับบรรยากาศและโลเกชั่นของเรื่องที่ใช้เมืองเก่าในประเทศอิตาลีอย่างฟลอเรนซ์เป็นธีมหลัก เพลงประกอบของหนังนอกจากเพลงบรรเลงอันไพเราะและเป็นสิ่งที่เชื่อมความรู้สึกของคนสองคนเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ยังมีเพลงของ Enya "Wild Child" เป็นอีกเพลงที่เป็นตัวเอกของเรื่องนี้ ฟังแล้วรู้สึกดี แต่ที่จริงฉันคงซึ้งกับรอยยิ้มของจุนเซย์ตอนจบเรื่องมากกว่า...เพราะนั่นเหมือนเป็นคำตอบของทุกคำถาม ทุกสิ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางสายตา ความสุขอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา บางครั้งอาจต้องอาศัยเวลา ถ้าคำสัญญาเป็นสิ่งที่เราต่างยึดมั่น ความรักเป็นสิ่งที่เราเชื่อมั่นและศรัทธา ความบกพร่องของเวลาก็เป็นเพียงบททดสอบ สิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ เพียงยอมรับและก้าวไปพร้อมกับมันก็เท่านั้นเอง
"...Let the rain fall down
Everywhere around you
Give into it now
Let the day surround you
You don't need a reason
Let the rain go on and on
...Every summer sun
Every winter evening
Every spring to come
Every autumn leaving
You don't need a reason
Let it all go on and on..."

07/08/2009

ให้หัวใจได้เดินทาง









That I'm a young heart living in a world filled with love,
so when tear drops fall from me like rain from above,
I can brush my troubles away, know that deep down inside,
I've got sun shinin in my life...
เพลงของศิลปิน Craig David เพราะดีฟังเวลาเหงาๆ แบบเงียบๆ คนเดียวแล้วมันโด๊นโดน ไม่รู้เป็นไงตอนนี้อารมณ์มักเปลี่ยนไปตามเพลงที่ฟังเดี๋ยวนี้น่ะเวลาเจอคนแปลกๆ (คิดไปเอง) ก็มักจะตั้งคำถามในใจว่า ทำไมเค้าถึงเป็นงั้น งี้ นี่ นั่น ไปเรื่อยและพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธ หรือหงุดหงิดเมื่อโดนคุกคาม (คิดไปเองบ้างบางครั้ง) ซึ่งอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ พอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนจะหัวเราะ (ขำไรเนี่ยแก *o*) คือหัวเราะตัวเราน่ะนะ และว่าอาจเป็นเราเองที่โรคจิต (อือม...มันก็น่าคิด)
...ให้หัวใจได้เดินทาง เราก็อยากเดินทางเหมือนกัน ทว่าคนเรามักจะติดที่คำว่า "แต่..." เราเองก็เช่นกัน เพราะงั้นเราจึงตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อให้ใจฉันได้เดินทาง ว่ากันว่าการเดินทางจะนำเราไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ คนแปลกหน้าใหม่ๆ และอาจนำเราไปสู่หนทางใหม่ๆ ได้ เค้าจึงมักไม่ค่อยแนะนำคู่รักให้เดินทางไปไหนไกลๆ คนเดียวก่อนแต่งงาน เพราะใจของคนเราก็มีเท่านี้ (ไม่ใช่ก้อนหินซักหน่อย) แต่สำหรับเราแล้วรู้สึกดีใจจังที่ยังไม่มีใครมาก่อกวนหัวใจตอนนี้ (คงยาวไปจนถึงตอนหน้า และตอนไหนๆ ด้วย) เวลาจะทำอะไรก็ดูสะดวกใจไปซะหมด รักตัวเองได้เต็มที่ ทำอะไรได้ตามใจ อยากไปนั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟตอนไหนก็ไป จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ (ยิ้มคนเดียวก็ออกบ่อย...) มองดูคู่รักควงกันเดินไปมา บางคู่ก็น่ารัก บางคู่ก็ขำๆ บางคู่ก็แบบว่า ...???... ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า หึหึ -_-'' ถึงแม้จะมีความเหงาเข้ามาทักทาย แต่ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา มาๆ หายๆ ก็สนุกดี ถามว่าเหงามากมั้ยจริงๆ เราคงไม่ได้เหงาจริงจังอะไรหรอก แค่ความรู้สึกผิวๆ ว่าถ้ามีใครที่ดีๆ อยู่เคียงข้างก็คงจะดี...มั้ง ความเหงาจริงๆ ของเรามักมาพร้อมกับความคิดถึงใครบางคนต่างหาก ซึ่งคนนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นท่านแม่เรานั่นเอง ใกล้ถึงวันแม่อย่างนี้ได้ยินเพลง "อิ่มอุ่น" ของศุ บุญเลี้ยง ทีไรต่อมน้ำตาพาลจะเกเรทุกที เป็นเพลงปราบเซียนสำหรับเราโดยแท้
...ให้หัวใจได้เดินทาง คงสักวันที่เราจะได้แหงนมองฟ้าผืนเดียวกันนี้ในที่ๆ ต่างไปจากเดิม ถึงเวลานั้นจะยิ้มให้สุดใจเลยทีเดียว ฟ้าจ๋าฟ้า...