Powered By Blogger

14/09/2013

ข้อความที่ไม่มีวันส่งถึง

...1 เดือนผ่านไป
นี่อาจเป็นช่วงเวลาพอเหมาะพอดีสำหรับเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ และเป็นการพักวาง ในหลายๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาก่อนหน้านี้ได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เหงาบ้างเล็กน้อยถึงปานกลางแต่เศร้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่หนักหนาที่สุดของปีนี้กำลังจะเป็นแค่รอยน้ำตาที่จางลงช้าๆ ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำที่คนหนึ่งคนทิ้งไว้ให้ กำลังจะเลือนลางหายไปทุกทีๆ นี่ล่ะมั้งที่หลายคนพูดว่า เวลา..จะช่วยรักษาทุกอย่าง
...
ฉันลบร่องรอยของใครหนึ่งคนออกไปจนหมด คิดว่าหมด.. แต่ก็ยังมีหลงเหลือไว้บ้าง ให้พอได้จดจำว่าเคยมีอยู่.. อีกเหตุผลก็คือมันไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรแล้ว นอกจากเป็นเพียงช่วงเวลาของชีวิตที่เราได้ผ่านมาเท่านั้น
พอนึกๆย้อนไปเห็นตัวเองในเวลานั้น ช่างเหมือนคนกำลังจมน้ำ แต่ละวันผ่านไปๆ จากวันเป็นสัปดาห์ จาก1สัปดาห์เป็น2 และ3 และจนครบเดือน ช่างน่าแปลกใจระคนดีใจ ว่าเอ..นี่ฉันยังอยู่มาได้ และยังดีขึ้นทุกวันๆ จริงนะนี่
...
ถ้าในช่วงแรกๆ ได้ฟัง Travis เพลงนี้ คงได้อีกความรู้สึก แต่พอมาฟังตอนนี้กลับยิ้มออกมาได้ และยังซึ้งไปกะเนื้อร้องได้มากกว่าตอนได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกอีกตะหาก ต้องโทษประสบการณ์แล้วล่ะงานนี้
...
ความรู้สึกที่ส่งผ่านตัวอักษรออกไป เราไม่รู้ว่าจะถึงใครคนนึงหรือไม่ ที่เรารู้คือ..เราทำดีที่สุดและพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อใครคนนั้น ถ้ามันจะไม่มีค่าในสายตาเขาเลยในวันนี้ หรืออาจตลอดไป นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว
...
เพราะวันนี้มีใจฉันอยู่ ณ ตรงนี้ ที่จะทำทุกๆ วันให้เป็นวันดีดี ให้เป็นตัวเราได้มากกว่าที่เราเคยเป็น...
...
หน้าที่ของเธอคือเดินเข้ามาสอนเรื่องความรัก(ตัวเอง)ให้ฉัน เมื่อจบบทเรียนเธอก็แค่เดินจากไป ในส่วนที่เหลือจากนี้ฉันจึงทำได้เพียงอยู่กับบทเรียน และทบทวนมันอย่างตั้งใจ
ฉันเห็นแสงแห่งความหวังส่องประกายมาแต่ไกล
หวังว่าเธอคงสบายดี...

...It's good to know that you are doing well
 It's good to know that you all know I'm hurting
 It's good to know I'm feeling not so well
 Because my inside is outside
 My right side's on the left side
 Cause I'm writing to reach you now but
 I might never reach you
 Only want to teach you
 About you
 But that's not you
 And you know it's true
 But that won't do..
 And you know it's you
 I'm talking to...
(Travis, Writing to reach you)

11/09/2013

Number Matter


...เคยบ้างไหมเมื่อเราอยู่ในช่วงวันคืนดีดี มีสิ่งที่น่าประทับใจเกิดขึ้นกับเรามากมาย เรามักจะโยงใยเอาสิ่งเล็กสิ่งน้อยมาผูก ปะ ติด ให้เป็นเรื่องเป็นราวในภายหลัง และยังเก็บมาคิดไปยิ้มไปพลาง เป็นความประทับใจที่รู้อยู่คนเดียว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องราวร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามา.. แต่สิ่งที่แสดงออกมาคงตรงกันข้ามจากอย่างแรกอย่างสิ้นเชิง
 
ตัวเลขเป็นหนึ่งในหลายตัวเลือกที่เข้ามามีบทบาททางความรู้สึก เพื่อให้ได้จดจำ เพื่อให้ไม่ลืมเลือนหรือบิดเบือนไปได้ง่ายๆ ประหนึ่งคำมั่นสัญญากลายๆ ..จะได้ไม่ลืมกัน ฉันเคยคิดว่าวันที่บนปฏิทินกับสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นช่างประจวบเหมาะ จนหลายครั้งมันอดคิดไม่ได้ว่าบังเอิญกันเกินไปไหม พอเวลาผ่านไป นานไป ถึงรู้ว่าวันหนึ่งวันบนปฏิทินที่เราคิดไว้นั้น มันก็มีทั้งดีและร้ายพอๆ กันนั่นแหละ ที่แปลกคือมันดันมาเกิดขึ้นกับเรื่องของเราเท่านั้นเอง
 
ในชีวิตคนเราบางครั้งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลข สิ่งของ หรือกระดาษที่เอามาใช้เป็นหลักประกัน เพราะในความเป็นจริง "ชีวิต" ไม่สามารถเอาสิ่งใดมาเป็นหลักประกันได้ เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเรายังมีชีวิตปกติดีเหมือนเดิมไหม ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะตายจากโลกนี้ไปเมื่อใด สิ่งที่ปรากฏขึ้นบนปฏิทินจึงเป็นเพียงตัวเลขบอกวันเวลา และมันก็ทำหน้าที่ของมันเพียงแค่นั้น เราเองต่างหากที่เอาใจไปผูกกับสิ่งๆ นั้นเอง

....
เพราะความเป็นจริงสิ่งที่เราพบเจอไม่ได้เป็นเพราะสิ่งใด หรือขึ้นกับอะไร มันเป็นเพียงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นตามวิถีของมัน ก็เท่านั้น...เอง