Powered By Blogger

02/07/2010

I'm fine.. ฉันสบายดี

ถึง คุณ..ที่อยู่ห่างไกล
วันอาทิตย์ ที่ 14 มีนาคม 2553

"มีหลายสิ่งในชีวิต ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ บางครั้งเราก็ต้องหันกลับมาสำรวจตัวเราเองว่าเข้มแข็งแค่ไหน และจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร พอมาถึงจุดๆ นึง เราจะเข้าใจว่าการรู้จักรักตัวเองให้มากๆ นั้นเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่งพรใดๆ"
มีคนๆ หนึ่งเคยบอกกับฉันว่า การได้เจอใครสักคนนับว่าเป็นเรื่องโชคดีอย่างแน่นอน... (อย่ามาทำหน้างง ก็คุณนั่นแหละ)
ฉันเคยจะเลิกเชื่ออย่างนั้นมาครั้งนึง แต่แล้วเวลาก็ช่วยให้คิดได้ ว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นจะคลี่คลายไปตามวิถีทางของมันเอง ฉันนึกถึงสิ่งที่คุณเคยบอก แล้วก็ยิ้มกับตัวเองได้หลังจากจิตตก สติแตกมานานกว่า 2 เดือน ความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรแน่นอน และยากที่จะยืนยาวนั้นไม่ใช่ความผิดใคร ในเมื่อเราแตกต่างกันทั้งใจและที่มา เป็นสิ่งที่เราควรยอมรับมากกว่ามาโทษให้เป็นความผิดของใคร หรือทำไมไม่เป็นอย่างนั้น เพราะอะไรจึงทำอย่างนี้ และก็นะพอเราเริ่มร้องคลอไปกับเสียงเพลงของ Jason Mraz ได้

ขอให้รู้ไว้นะ "เธอน่ะหายดีแล้ว.."


01/07/2010

Always love actually...

Date: Saturday 8, August 2009
To you..
Always love actually
somewhere at the airport ที่ๆรวบรวมความรู้สึกของผู้คนมากมายเอาไว้ ทั้งรอยยิ้ม น้ำตา ความสุขและความเศร้า อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น บรรยากาศซึมๆของการจากลา สนามบิน..เป็นสถานที่ที่เป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง เราเองก็ชอบบรรยากาศและผู้คนในที่แห่งนี้ เพราะดูๆไปก็เหมือนได้ดูหนังดีๆเรื่องหนึ่ง ซึ่งเก็บความรู้สึกมากมายรวมไว้ในที่เดียวกัน มองดูแล้วรู้สึกเต็มตื้น.. อิ่มใจ แม้จะแตกต่างกันทั้งชาติ และภาษาพูด แต่บางสิ่งที่แสดงออกมานั้นสื่อถึงกันได้โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ
จาก Love Actually มาจนถึง Dear Gallileo หรือ"หนีตามกาลิเลโอ" สองเรื่องนี้คล้ายกันในหลายจุด ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญและทำให้ยิ้มได้ซะด้วย ฉากสนามบินถูกเซ็ทให้เป็นพระเอกตอนต้นเรื่อง และในตอนจบของเรื่อง ส่วนนางเอกของเรื่องต้องยกให้ฉากชูป้ายบอกความนัย..ใจนั่นแล ฉันประทับใจฉากบอกรักของผู้ชายคนนึงที่แอบหลงรักแฟนของเพื่อนใน Love Actually อยู่ก่อนแล้ว ดูกี่ที กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ยิ้มได้ทุกครั้งสิน่า ความรักของMark and Juliet นั้นก็มาในแบบรักเค้าข้างเดียวประมาณนี้ Markบอกสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมาโดยผ่านข้อความที่เขียนลงบนกระดาษ แม้ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สิ่งที่แสดงออกมา เป็นอะไรที่มากกว่านั้น...
"...TO ME, YOU ARE PERFECT
AND MY WASTED HEART WILL LOVE YOU
UNTIL YOU LOOK LIKE THIS...
MERRY CHRISTMAS." Mark
ส่วนในเรื่อง Dear Gallileo ก็มีฉากชูป้ายให้เห็นเช่นกัน เป็นความรู้สึกดีๆจากเพื่อนถึงเพื่อน ที่อาจอยู่ไกลกัน ในที่ที่เวลาต่างกัน แต่ความคิดถึงน่ะส่งผ่านถึงกันได้แน่นอน ดูแล้วรู้สึกดี "ใครยิ้มคนเดียวอยู่ยกมือขึ้น"  เราเองๆ :)
การบอกความในใจ หรือความรู้สึกบางอย่างให้ใครบางคนรู้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เรามองว่ามันเป็นเรื่องของความกล้ามากกว่า เพราะถ้าอายที่จะพูดเราก็ยังมีวิธีสื่อสารออกมาได้ตั้งหลายทาง การเขียนข้อความลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ให้พออ่านได้ แล้วชูค้างไว้ให้อีกฝ่ายดูก็เป็นวิธีแก้เขินอีกทางหนึ่งซึ่งย้อนกลับมานึกถึงเมื่อไหร่ก็อมยิ้มได้เมื่อนั้น ..แหมอยากให้มีคนทำแบบนี้บ้างจัง น่ารักดี..
ความรักอยู่รอบตัวเรา ฉันเชื่ออย่างนั้น
Because love is... all around

04/06/2010

ความเปลี่ยนแปลง

Date: Sunday 12, October 2008 (11:50am)
To: someonelikeyou.1977

ฉันคิดว่าฉันคงคิดไปเองที่รู้สึกไปเองว่ามีลมเย็นๆ คล้ายกลิ่นของฤดูหนาวพัดผ่านของช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นสายลมวูบนึงที่พัดมาสัมผัสตัวเราเพียงชั่วระยะเวลาเล็กน้อยเพียงแค่นั้น แต่ฉันก็ดีใจกับฤดูกาลใหม่ที่จะมาเยือน ถ้าไม่นับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตอนเย็นของเมื่อวานและท้องฟ้าสีเทาจางๆ ในวันนี้..
บางครั้งเราก็มักแกล้งทำความกล้าตกหล่นหายไป บอกตัวเองว่าไม่ใช่เพราะขี้ขลาดหากเพราะยังไม่แน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง ตั้งแต่พบกันครั้งนั้น ฉันยังคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง คุณคงคิดว่าฉันขลาดกลัวไม่เข้าท่า แต่ฉันก็เป็นอย่างนี้ น้อยนักที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนดื้อแพ่งหรอกนะ ฉันคิดว่าคงอีกไม่นาน ฉันคงต้องลงมือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เพื่อก้าวไปสู่บางสิ่งที่อยู่ข้างหน้า บนทางเดินที่อาจไร้คุณในวันนี้ อาจมีใครซักคนผ่านเข้ามาในเส้นทางของฉันบ้างก็ได้ ใครจะรู้
..หนาวนี้ ฉันจะเริ่มออกเดินทางด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง หวังว่าคุณจะคอยมองฉันอยู่ที่ใดซักแห่งบนนั้น

คิดถึงจังค่ะ..

02/06/2010

ปีแสง...

Date: Monday 1, September 2008 (09:10pm)
To: someonelikeyou.1977

ดวงดาว 2 ดวงบนฟ้าในยามค่ำคืน หนึ่งในนั้นกำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาอีกดวงหนึ่งอย่างช้าๆ แสงที่ดูคล้ายกันทว่าแตกต่างกันมากที่ระยะทางและเวลา ดาวอีกดวงกำลังเคลื่อนผ่านไป ผ่านไป.. พร้อมเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม เสียงฮึมฮัม...ดังมาจากที่ไกลๆ ผ่านเมฆหมอกมายังพื้นดิน เครื่องบินกำลังบินข้ามแผ่นฟ้า เหลือไว้เพียงแสงริบหรี่จากที่บนนั้น แสงของดวงดาวแม้จะต้องอาศัยแสงสว่างจากดาวฤกษ์ ทว่าจากจุดที่เรามองอยู่แสงนั้นต้องเดินทางมาไกลมากแค่ไหนกันนะ
ณ ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ และจากจุดใดจุดหนึ่งในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้
คุณล่ะ.. อยู่ที่ไหน?

ความหวังของคนเรา


Date: Saturday 21, June 2008 (12:00pm)
To: someonelikeyou.1977

เมื่อกลางสัปดาห์จู่ๆ ฉันก็ได้คำตอบรับจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งนัดให้ไปสัมภาษณ์งาน ฉันเผลอกระโดดตัวโยนดีใจแบบเด็กๆ ไปหลายครั้ง ทำเสียงดังจนคนในที่ทำงานเงยหน้าขึ้นมองมาที่ฉัน ด้วยสายตาว่ายัยบ้านี่เป็นอะไรอีกล่ะ มันเป็นโอกาสที่เข้ามาครั้งแรกในรอบหลายปีที่รอมานาน แต่ว่านะฉันกลัวเป็นบ้าเลยเพราะนานเป็นชาติได้มั้งของการถูกเรียกสัมภาษณ์ ที่สำคัญมันเป็นงานที่ฉันอยากทำ อยากเรียนรู้ อยากเข้าไปสัมผัสว่าเป็นยังไง ตื่นเต้นจังค่ะคุณรู้ไหม ตอนนี้ฉันต้องฝึกทำใจให้สู้และฮึกเหิมให้มากๆ เข้าไว้ เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะคะ ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของชีวิตเลยล่ะ :)
ความหวังมักจะเข้ามาหาโดยที่เราไม่รู้ตัว.. และนั่นทำให้ความไม่คาดหวังนั้นมีความหมาย ไม่รู้จะเหมือนกับความรักหรือเปล่า บางทีถ้าฉันทำเป็นลืมมันไป อาจจะได้พบเจอกับสิ่งที่เฝ้าหวังลึกๆ ในใจอีกครั้งก็ได้ ทว่าทำยังไงฉันก็ยังลืมไม่ได้ซักที
..ในเมื่อลืมไม่ได้ฉันก็คงทำได้เพียงเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งนี้ต่อไป
ใครจะรู้..

01/06/2010

แรงบันดาลใจ..ในวันหนึ่ง

Sunday 15, June 2008 (12:00pm)
To: someonelikeyou.1977
Subject: แรงบันดาลใจ

คุณมีสิ่งที่เรียกว่าแรงบันดาลใจไหม? ถ้ามีฉันอยากจะขอแบ่งซักนิดนึงเพราะตอนนี้ในชีวิตฉันต้องการสิ่งนั้นมากจริงๆ
สวัสดี ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง? กำลังทำอะไรอยู่เหรอ? คิดถึง..กันบ้างหรือเปล่า? อย่าเพิ่งทำหน้าแหวะสิฉันล้อเล่นต่างหาก จากวันนั้นก็ผ่านมาตั้ง 6 เดือนแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาจะผ่านไปรวดเร็วดั่งสายลมเช่นนี้ พอย้อนกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมา แล้วถามตัวเองว่าฉันทำอะไรลงไปบ้างนั้น ก็ถึงกับต้องถอนหายใจ เพราะฉันยังไม่ไปไหน และไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง แม้กระทั่งจะเมล์ถึงคุณก็ยังไม่กล้า.. ความกล้าของคนเราถ้ามีขายตามท้องตลาดบ้างก็คงดี ความอยากของคนเรานี่ไม่มีสิ้นสุดเลยนะ อย่างฉันบางครั้งก็อยากเจอคุณ ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ อยากจะทำโน่นทำนี่ให้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ดองไว้ ฉันน่ะขาดทั้งความกล้า ทั้งแรงบันดาลใจ และตอนนี้.. ฉันก็ไม่มีอีกแล้ว คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ แปลกดีที่ฉันเมล์ถึงคุณได้ตอนนี้ก็เพราะหนังที่เพิ่งดูอีกแล้ว พระเอกของเรื่องไม่ได้มาตามหาปาฏิหาริย์แต่กำลังตามหาแรงบันดาลใจ แต่ทำไมฉันต้องนึกถึงคุณด้วยก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แล้วก็ไม่เข้าใจโชคชะตาเหมือนกัน สิ่งที่ฉันตามหาแต่กลับไม่เจอ สิ่งที่เฝ้ารอก็ดูเหมือนไม่มีวันมาถึง ทุกสิ่งดูเหมือนผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป ฉันคิดเสมอว่าฉันได้เจอคุณแล้ว แต่พอเวลานั้นมาถึงจริงๆ ทุกสิ่งกลับไม่ใช่สิ่งที่ฉันวาดหวังไว้ ฉันเหมือนคนถูกทิ้งเลยนะ ความรู้สึกมันแย่มากๆ ความรู้สึกเปราะบางเกินไป อ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนี้ไหว ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ลำบากใจ เราน่าจะได้ทำความรู้จักกัน เรียนรู้กันมากกว่านี้ เร็วกว่านี้ เวลาดูจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีเพียงพอสำหรับคนไม่มีเวลาแม้แต่จะสำรวจตรวจดูหัวใจตัวเอง เผื่อบางที..
ปล.ขอบคุณกับทุกสิ่งที่ผ่านมานะคะ